แจกแพลนเที่ยวโตเกียว 3 วัน เน้นเที่ยวในเมือง และฟูจิ ข้อมูลแน่น!

โตเกียว 3 วัน เที่ยวอะไรได้บ้าง?

แพลนเที่ยวโตเกียว 3 วัน กิจกรรมแน่นแบบไม่มีเบื่อ! เริ่มด้วยการช้อปปิ้งในย่านดังอย่าง ชิบูยะ (Shibuya), ฮาราจูกุ (Harajuku) และ ชินจูกุ (Shinjuku) ที่สายช้อปปิ้งต้องปลื้ม แถมยังได้เก็บแลนด์มาร์คสำคัญในโตเกียวอีกด้วย จุดที่ห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวคือการเดินทางไป ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) พร้อมชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยอลังการ และในวันสุดท้ายพักผ่อนชิลๆ ที่ โอไดบะ (Odaiba) เดินชมวิวอ่าวโตเกียวสุดโรแมนติก พร้อมสัมผัสงานศิลปะอินเทอร์แอคทีฟที่ TeamLab Planet ปิดท้ายทริปที่ Roppongi กับวิวเมืองโตเกียวในยามค่ำคืนที่สวยจับใจ อยากรู้ว่าแพลนเที่ยวโตเกียวนี้สนุกแค่ไหน อ่านต่อกันได้เลย!

เริ่มต้นทริปจากโรงแรมที่ชินจูกุ (Shinjuku)

ข้อดีของที่พักย่านชินจูกุ (shinjuku)

สำหรับคนที่มี แพลนเที่ยวโตเกียว เราขอแนะนำที่พักในย่าน ชินจูกุ (Shinjuku) ซึ่งถือเป็นจุดที่เดินทางสะดวกที่สุดในโตเกียว ย่านนี้มีสายรถไฟครอบคลุมทั้งในเมืองและรอบเมืองโตเกียว อีกทั้งยังเดินทางไปเที่ยว ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) เพื่อชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้ง่ายๆ นอกจากนี้ ชินจูกุยังเป็นศูนย์กลางขนส่งรถบัสของโตเกียว ทำให้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับคนที่เดินทางมาจากสนามบิน ย่านนี้มีบริการ Narita Express (N’EX) เชื่อมตรงจากสนามบินนาริตะมายังสถานีชินจูกุ ช่วยให้การเดินทางเริ่มต้นง่ายขึ้นและรวดเร็ว

จองที่พักราคาดี พร้อมดีลพิเศษจาก Klook คลิกเลย!

วันที่ 1: เริ่มต้นแพลนด้วยการเที่ยวชมธรรมชาติ และช้อปปิ้งย่านดัง

ศาลเจ้าเมจิ (Meji Jingu) สถานที่สำคัญในโตเกียว

ศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้จักรพรรดิเมจิและจักรพรรดินีโชเคน ตั้งอยู่ในเขตชิบุยะ ใจกลางกรุงโตเกียว โดดเด่นด้วยบรรยากาศสงบและป่าไม้ที่ล้อมรอบศาลเจ้า มีต้นไม้กว่า 100,000 ต้นที่ปลูกจากทั่วญี่ปุ่น ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความร่มรื่นตลอดทั้งปี ไฮไลต์ของศาลเจ้าคือ ประตูโทริอิขนาดใหญ่ ที่ทำจากไม้ไซเปรส รวมถึงถังสาเกและไวน์ ที่จัดแสดงเพื่อสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นและตะวันตก อีกทั้งยังมี สวนภายในที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการเดินเล่น การเดินทางสะดวกสบาย เพียงไม่กี่นาทีจาก สถานี Harajuku หรือ Meiji-jingumae ก็สามารถมาสัมผัส ธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในมุมที่เงียบสงบได้ทันที ใครมีแพลนเที่ยวโตเกียวครั้งแรกต้องห้ามพลาดที่นี่

วิธีการเดินทางจากชินจูกุ มาที่ศาลเจ้าเมจิ

เริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku)

Shinjuku -> Harajuku

🚆 Yamanote Line (ใช้เวลา 4 นาที)

ช้อปปิ้งย่าน ฮาราจูกุ (Harajuku)

หนึ่งในย่านท่องเที่ยวที่โดดเด่นของโตเกียว ตั้งอยู่ระหว่างชิบูยะ (Shibuya) และชินจูกุ (Shinjuku) เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมแฟชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับทั้งสายช้อปปิ้ง สายคาเฟ่ และคนที่ชื่นชอบการเดินเล่นชมบรรยากาศแบบญี่ปุ่นที่ผสมผสานความทันสมัย จุดเด่นของย่านนี้คือเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นที่มีสไตล์การแต่งตัวที่หลากหลาย รวมถึงร้านค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่ร้านแฟชั่นสุดฮิปไปจนถึงร้านขนมและคาเฟ่ธีมน่ารัก แพลนเที่ยวโตเกียวสายแฟชั่นต้องห้ามพลาดจุดนี้

Takeshita Dori เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮาราจูกุ มีระยะทางประมาณ 400 เมตร เต็มไปด้วยร้านค้าแฟชั่นสำหรับวัยรุ่น ร้านของฝาก ร้านขนมหวาน และคาเฟ่ธีมสไตล์ต่างๆ ของหวานที่น่าสนใจเช่น เครปญี่ปุ่นที่มีให้เลือกหลากหลายไส้ ขนมสายไหมสีรุ้ง และขนมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมคาวาอี้ (Kawaii)

Omotesando เป็นถนนสายแฟชั่นที่มีความแตกต่างจาก Takeshita Dori ด้วยบรรยากาศที่หรูหรา และร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก เช่น Louis Vuitton, Gucci, และ Prada รวมถึงคาเฟ่และร้านอาหารหรูหราสไตล์ต่างๆ

เดินเล่นย่านชิบูยะ (Shibuya)

ห้าแยกชิบูยะ (Shibuya Crossing) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โด่งดังที่สุดในโตเกียวและเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาให้ได้สักครั้งหนึ่ง ถือเป็นสัญลักษณ์ของความคึกคักในเมืองโตเกียว จุดเด่นคือการที่มีผู้คนจำนวนมากเดินข้ามถนนพร้อมกันจากทุกทิศทางเมื่อสัญญาณไฟคนข้ามเป็นสีเขียว

รูปปั้นฮาจิโกะ (Hachiko Statue) ตั้งอยู่บริเวณทางออก Hachiko ของสถานีชิบูยะ รูปปั้นนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงความซื่อสัตย์ของสุนัขชื่อ “ฮาจิโกะ” ซึ่งรอคอยเจ้าของที่สถานีรถไฟชิบูยะทุกวันแม้เจ้าของน้องจะเสียชีวิตไปแล้ว กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมและสถานที่นัดพบของทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว

แหล่งช้อปปิ้งในชิบูยะ

เอาใจคนแพลนเที่ยวโตเกียวสายช้อปปิ้งต้องย่านนี้เลยเพราะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และร้านค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่แฟชั่นแบรนด์เนมไปจนถึงสินค้าแนวสตรีท

Shibuya 109: ศูนย์รวมแฟชั่นมากมาย มีร้านเสื้อผ้า และเครื่องประดับต่างๆ
Shibuya PARCO: หนึ่งในห้างทันสมัยย่านชิบูยะที่รวมสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นและระดับโลก รวมถึงโซนอาหารและความบันเทิง
Shibuya Hikarie: ห้างหรูที่มีทั้งแฟชั่น คาเฟ่ และร้านอาหารชั้นนำ พร้อมจุดชมวิวในตัวอาคาร

วันที่ 2: ภูเขาไฟฟูจิ (Lake Kawaguchigo)

หมู่บ้านน้ำใส (Oshino Hakkai)

สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ หมู่บ้านนี้เป็นจุดที่รวมน้ำพุธรรมชาติทั้ง 8 บ่อที่เกิดจากน้ำละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิที่ไหลผ่านชั้นหินลาวา ทำให้น้ำมีความใสสะอาดและบริสุทธิ์จนสามารถมองเห็นก้นบ่อได้อย่างชัดเจน แถมในบ่อน้ำยังมีปลามากมายอาศัยอยู่ด้วย

จุดเด่นของ Oshino Hakkai

บ่อน้ำทั้ง 8: แต่ละบ่อมีชื่อและเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น บ่อ Deguchi Ike ที่มีวิวภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง หรือ บ่อ Okama Ike ที่น้ำใสจนสะท้อนภาพภูเขาไฟฟูจิอย่างงดงาม
ความเป็นธรรมชาติ พื้นที่รอบๆ บ่อน้ำล้อมรอบด้วยสวนเขียวขจี หมู่บ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และทุ่งนา ทำให้บรรยากาศเงียบสงบและเหมาะสำหรับการพักผ่อน
สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น หมู่บ้านมีร้านค้าเล็กๆ จำหน่ายสินค้าแบบโฮมเมด เช่น ผักดอง ขนมญี่ปุ่น ของฝาก และชาเขียว รวมถึงร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูพื้นเมือง
ถ่ายภาพวิวภูเขาไฟฟูจิ Oshino Hakkai เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดของภูเขาไฟฟูจิ โดยเฉพาะในวันที่อากาศแจ่มใส

วิธีการเดินทางจากชินจูกุ (Shinjuku) มาที่หมู่บ้านน้ำใส (Oshino Hakkai)

เริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku)

Shinjuku -> Fujikyu Highland Station

Fuji Excursion (ใช้เวลา 71 นาที)

เปลี่ยนไปใช้รถบัส (Fujikko-go Bus)

Fujikyu Highland -> Oshino Hakkai

Fujikko-go Bus (ใช้เวลา 19 นาที)

💡 Tips: รถไฟ Fuji Excursion เป็นรถไฟด่วนพิเศษเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเดินทางจากชินจูกุมาลงบริเวณนี้ได้โดยตรงแบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวน นอกจากนั้นรถไฟขบวนนี้ยังมีปลายทางที่สถานีคาวากุจิโกะ จึงทำให้เป็นรถไฟที่มักจะเต็มไว หากใครมีแพลนเที่ยวญี่ปุ่นที่จะไปดูฟูจิแนะนำให้จองล่วงหน้า

เจดีย์แดงชูเรโตะ (Chureito Pagoda)

เจดีย์แดง (Chureito Pagoda) หรือที่รู้จักในชื่อเต็มว่า เจดีย์ชูเรโตะ เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามและโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida) จังหวัดยามานาชิ เจดีย์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้าอาราคุระเซ็นเก็น (Arakura Sengen Shrine) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงคราม และยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักมาเยี่ยมชมเพื่อถ่ายภาพวิวที่มีเจดีย์สีแดงเป็นฉากหน้า พร้อมภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง เป็นหนึ่งในภาพการโปรโมทของประเทศญี่ปุ่น ทั้งในฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกซากุระ และฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง

วิธีการเดินทางจากหมู่บ้านน้ำใส (Oshino Hakkai) มาที่เจดีย์แดง (Chureito Pagoda)

เริ่มต้นที่หมู่บ้านน้ำใส

Oshino Hakkai -> Fujikyu Highland

🚌 Fujikko-go Bus (ใช้เวลา 16 นาที)

เปลี่ยนไปใช้รถไฟ (Fuji Kyoko Line)

Fujikyu Highland -> Shimoyoshida

🚆 Fuji Kyoko Line (ใช้เวลา 2 นาที)

ปิดท้ายวันด้วยการชมภูเขาไฟฟูจิที่สวนโออิชิ (Oishi Park)

สวนแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คที่ต้องมาสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) สถานที่นี้ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งเหนือของทะเลสาบ ทำให้สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนและงดงาม สวนโออิชิได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล เพิ่มความสดใสและสร้างบรรยากาศที่สวยงามให้กับนักท่องเที่ยวที่ได้มารับชม

นอกจากนี้ภายในยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Kawaguchiko Natural Living Center ซึ่งมีทั้งร้านขายของฝาก ขนม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น แยมผลไม้ที่ทำจากผลไม้สดของพื้นที่ และยังมีคาเฟ่เล็กๆ ให้ได้มาพักผ่อนกันด้วย

วิธีการเดินทางจากเจดีย์แดง (Chureito Pagoda) มาที่สวนโออิชิ (Oishi Park)

เริ่มต้นที่เจดีย์แดง (Chureito Pagoda)

Shimoyoshida -> Kawaguchiko

🚆 Fuji Kyoko Line (ใช้เวลา 5 นาที)

เปลี่ยนไปใช้รถบัส (Sightseeing Bus Red line)

Kawaguchiko -> Kawaguchiko Natural life Building

🚌 Sightseeing Bus Red line (ใช้เวลา 15 นาที)

วันที่ 3:TeamLab Planet, โอไดบะ และย่านรบปงงิ

โอไดบะ (Odaiba) เที่ยวย่านริมทะเล ชมอ่าวโตเกียว

แพลนเที่ยวโตเกียววันสุดท้ายที่ย่านโอไดบะ (Odaiba) ย่านริมทะเลสุดทันสมัยที่ตั้งอยู่บนเกาะที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นในอ่าวโตเกียว โอไดบะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง กิจกรรมสนุกๆ และวิวอ่าวโตเกียวที่สวยงาม นอกจากนั้นคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศผ่อนคลายที่เหมาะสำหรับการปิดท้ายทริปโตเกียว

ชมวิวจากรถไฟ Yurikamome การเดินทางมายังโอไดบะด้วย รถไฟ Yurikamome ซึ่งเป็นรถไฟโมโนเรลไร้คนขับ ถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด เส้นทางของรถไฟจะผ่านสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ที่จะเห็นวิวอ่าวโตเกียวและเมืองที่สวยงาม

วิธีการเดินทางจากชินจูกุ (Shinjuku) มาที่โอไดบะ (Odaiba)

เริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku)

Shinjuku -> Shimbashi

🚆 Yamanote Line (ใช้เวลา 21 นาที)

เปลี่ยนไปใช้ Yurikamome

Shimbashi -> Odaiba-kaihinkoen

🚆 Yurikamome (ใช้เวลา 13 นาที)

💡 Tips: รถไฟ Yurikamome ความพิเศษของขบวนนี้

TeamLab Planet ชมงานศิลปะอินเทอร์แอคทีฟ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบอินเทอร์แอคทีฟที่ตั้งอยู่ในย่านโทโยสุ (Toyosu) ไม่ไกลจากโอไดบะ ที่นี่นำเสนอผลงานศิลปะที่ผสมผสานเทคโนโลยีและธรรมชาติเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยผู้เข้าชมสามารถสัมผัสงานศิลปะด้วยการเดินผ่านพื้นที่จัดการแสดงแบบ Interactive ซึ่งในบางจุดมีการให้เดินเท้าเปล่าเพื่อดื่มด่ำกับประสบการณ์อย่างเต็มที่

วิธีการเดินทางจากโอไดบะ (Odiaba) มาที่ TeamLab Planet

เริ่มต้นที่สถานี Odaiba-kaihinkoen

Odaiba-kaihinkoen -> Shin-Toyosu

🚆 Yurikamome (ใช้เวลา 16 นาที)

💡 Tips: ควรจองบัตรเข้าชมล่วงหน้าหากใครมีแพลนไปเที่ยวที่ TeamLab Planet เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้าชมค่อนข้างเยอะอาจจะทำให้รอบเวลาที่ต้องการไปเต็มได้หากไม่ได้จองล่วงหน้า

รปปงงิฮิลส์ (Roppongi Hills)

ย่านสุดหรูในโตเกียวที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม ช้อปปิ้ง และวิวเมืองที่สวยงามอย่างลงตัว โดยเฉพาะ Mori Tower ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการมองเห็นวิวโตเกียวทาวเวอร์ในช่วงกลางคืน

Mori Tower เป็นอาคารสูง 54 ชั้นที่ตั้งอยู่ใจกลางรปปงงิฮิลส์ โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร และจุดชมวิวที่สวยงามมาก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมทัศนียภาพของกรุงโตเกียว Tokyo City View Observation Deck บนชั้น 52 เป็นจุดที่คุณสามารถมองเห็นวิวพาโนรามาของเมือง โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ Tokyo Tower เปิดไฟสว่างโดดเด่นตัดกับฉากหลังของแสงไฟในเมือง สร้างบรรยากาศที่ทั้งโรแมนติก และน่าประทับใจ

วิธีการเดินทางจากTeamLab Plane มาทีรปปงงิฮิลส์ (Roppongi Hills)

เริ่มต้นที่สถานีโทโยสุ (Toyosu)

Toyosu-> Yuarakusho

🚆 Yuarakusho Line (ใช้เวลา 8 นาที)

เดินมาที่สถานีฮิบิยะ (Hibiya)

เปลี่ยนไปใช้ Hibiya Line

Hibiya-> Roppongi

🚆 Hibiya Line (ใช้เวลา 9 นาที)

บริการวางแพลนท่องเที่ยวญี่ปุ่น

(คลิกเพื่อดูแพลนเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มเติม)

เริ่มต้นเพียง 900 บาท

✨ วางแผนการเดินทางตามความต้องการคุณใน พร้อมคำแนะนำสถานที่ยอดฮิตและข้อมูลเดินทางที่ครบถ้วน

ออกแบบทริปในแบบของคุณ – เริ่มต้นเพียง 1,900 บาท

🎯 แพลนเที่ยวที่ออกแบบพิเศษเฉพาะคุณเท่านั้น ครอบคลุมการเดินทางทั้งในโตเกียวและรอบนอก พร้อมคำแนะนำที่พัก การใช้พาสให้คุ้มค่า และรายละเอียดครบทุกจุด

สรุปแพลนเที่ยวโตเกียว 3 วัน

วันที่ 1 เริ่มต้นด้วยการสำรวจย่านแฟชั่นและช้อปปิ้งที่ Harajuku, Shibuya และ Shinjuku สัมผัสบรรยากาศที่หลากหลายของเมืองโตเกียวทั้งความทันสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิม
วันที่ 2 เดินทางออกนอกเมืองเพื่อชมความงดงามของธรรมชาติที่ Oshino Hakkai หมู่บ้านน้ำใส, Chureito Pagoda เจดีย์แดงพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ และปิดท้ายวันอย่างสวยงามที่ Oishi Park
วันที่ 3 ปิดท้ายทริปที่ย่านริมทะเลอย่าง Odaiba ชมวิวอ่าวโตเกียว, ชมผลงานศิลปะสุดประทับใจใน TeamLab Planets และจบวันด้วยการชมวิวเมืองยามค่ำคืนจาก Mori Tower ที่ Roppongi Hills พร้อมวิวโตเกียวทาวเวอร์ที่สวยงาม

ทริปนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการช้อปปิ้ง ชมธรรมชาติ และการสัมผัสแสงสีของเมืองใหญ่ รับรองว่าคุณจะได้ประสบการณ์ที่ครบถ้วนและน่าจดจำจากการเดินทางครั้งนี้!

บริการวางแพลนเที่ยวญี่ปุ่นสุดพิเศษ ออกแบบทริปได้ด้วยตัวคุณเอง คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม

admin

นักเดินทางผู้หลงใหลในการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น ชอบท่องเที่ยวในเส้นทางใหม่ๆ ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม ค้นหาเคล็ดลับการใช้พาสต่างๆ ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้การเดินทางสนุกและง่ายขึ้น